วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Comment schematic and zoning (18/10/16)


Comment schematic and zoning 
(18/10/16)

MLC : Mahidol Learning Center

MLC
Mahidol Learning Center


อาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดล
ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และกิจกรรมด้านต่างๆ 
ของทั้งนักศึกษาหรือบุคลากรของมหาวิทยาลัย จนไปถึงชุมชนโดยรอบ 
เป็นศูนย์กลางของหน่วยงาน กิจกรรม และงานด้านบริการของนักศึกษา และมหาวิทยาลัย 
ส่งเสริมคุณภาพชีวิต นันทนาการ และการมีส่วนร่วมต่างๆ เช่นงานนิทรรศการกลางแจ้งและกิจกรรมต่างๆ โดยมีพื้นที่รองรับทั้งภายใน และภายนอกอาคาร

โดยเป้าหมายหลักของผู้ออกแบบนั้นต้องการให้ที่แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแห่งการเปลี่ยนผ่าน
สร้างความเป็นมหิดล
ช่วยปลูกฝังคุณค่าและจิตวิญญาณของชาวมหิดลทุกคน
โดยเกิดการเรียนรู้แบบบูรณาการ หรือที่เรียกกันว่า
Group Learning Multidisciplinary
จากการเดินศึกษาและวิเคราะห์อาคารแห่งนี้ ได้เลือกวิเคราะห์ในสิ่งที่สนใจคือ เส้นทางการใช้งาน เฉพาะบริเวณชั้น 2 เท่านั้น
ซึ่งจากการวิเคราะห์ สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 เส้นทางหลักๆ



เส้นทางที่มาจากหอพัก จะเป็นเส้นทางของการใช้งานที่ค่อนข้างสงบ
โดยผ่านโถงที่มีสัญลักษณ์ที่ใช้ยึดเหนี่ยวจิตใจ
กระจายไปยังส่วนต่างๆ ของอาคาร โดยผ่านจุดที่มีความวุ่นวายก่อน แล้วค่อยๆลดทอน
ซึ่งหากจินตนาการว่าเราเองเป็นผู้ใช้งาน
ถ้าไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องไปยังโรงอาหารที่อยู่เกือบสุดของอาคาร
ก็คงจะเดินผ่านคอร์ดตรงกลาง แล้วขึ้นมายังชั้น 2
จากนั้นเดินผ่านช่องแคบ หรือเดินทะลุ Hall of frame ไปยังห้องที่มีการใช้งานต่างๆ
ซึ่งเส้นทางการเดินได้จัดมาแล้ว ว่าแต่ละจุด มุมมองที่มีจะเป็นแบบไหน



ที่น่าสนใจคือ Hall of frame ใช้วิธีเชื่อมมุมมองด้วยความโปร่ง
แต่การเข้าถึงนั้นเป็นเพียงทางเดินแคบ ทำให้เกิดประสบการณ์ในการเดิน



ส่วนอีกเส้นทางการใช้งานคือ ทางที่มาจากชั้นลอยที่เป็นโรงอาหาร
ซึ่งการใช้งานเส้นทางนี้จะค่อนข้างวุ่นวาย
เกิดการเชื่อมต่อทั้ง2ชั้นด้วยบันได
เป็นการเข้าถึงช่องเปิดที่เชื่อมรัหว่างชั้น 1 ชั้นลอย และชั้น 2
โดยบริเวณที่นักศึกษาขึ้นมาใช้งานนั้นเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่สามารถนั่งทำงานหรือพักผ่อนได้
ทำให้ในบริเวณนี้เสียงค่อนข้างดัง

บ้านพี่ปาล์ม


บ้านพี่ปาล์ม

เรามักจะได้เห็นสถานที่เจ๋งๆมากมายที่เกิดจากกระบวนการการกลั่นกรอง วิเคราะห์ ทดลอง ออกแบบ จากสถาปนิกที่คิดมาอย่างแยบยล 

สถาปนิกนั้น จะสามารถเข้าถึง และเข้าใจลูกค้า เมื่อได้ลองสร้างบ้านหลังแรกให้กับตัวเอง
พี่ปาล์มก็เป็นหนึ่งในสถาปนิกมากความสามารถ ที่รักครอบครัว ต้องการสร้างบ้านที่เหมาะสมและตอบสนองชีวิตดั้งเดิมของครอบครัว
เพียงฟังคำบอกเล่าบางคำของพี่ปาล์ม แสดงให้เห็นถึงการออกแบบบ้านหลังนี้ที่ตอบสนองได้ในทุกๆจุด


"อาณาจักรของพี่"


"ชานนั่งตอนเย็นๆ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ 5 โมง"


"พี่ชอบตากฝน นุ่งลมห่มฟ้า"
"เคยใช้ตุ่มตักน้ำอาบสมัยเด็กๆ"


เมื่อเข้ามาภายในรั้วบ้าน ภาพนี้คือภาพที่เราจะเห็น บ้านหนึ่งหลังมีใต้ถุนโปร่งโล่งมองทะลุได้จนไปถึงด้านหลัง มีห้องนั่งเล่นอยู่ด้านล่าง และมีโต๊ะ เก้าอี้ไม้ ต้อนรับอยู่หน้าห้อง...

แต่ถ้าได้เดินเข้าไปภายในแล้ว

จากหน้าบ้านกลายเป็นหลังบ้านทันที


เมื่อเข้ามาภายในจะเจอบันได ที่เป็นทางขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน


จะเห็นว่า ซุ้มประตูด้านหน้ามีชายคาบังแค่ส่วนของประตูทางเข้าจริงๆ
ต้องลองไปยืน แล้วจะเกิดคำถาม ที่มีคำตอบให้ตัวเองขึ้นในใจ

  

เมื่อยืนอยู่ตรงกลางประตู จะรู้สึกถึงความไม่สมมาตรที่เกิดขึ้น
ด้วยชานที่อยู่เยื้องไปทางซ้ายของบ้าน ส่วนด้านขวาปล่อยโล่ง
มีรั้วลูกกรงล้อมด้านซ้าย ด้านขวาไม่มี
ให้ความรู้สึกว่า
ด้านซ้ายในส่วนของตัวบ้านนั้นถูกล้อมกรอบอย่างปลอดภัย 
แต่ด้านขวา เมื่อไม่มีชานขนาดใหญ่เชื่อมไปถึงข้างในบ้าน ทำให้ไม่ต้องมีรั้วล้อมด้านขวา

หากมองจากภายในกลับออกมา จะพบว่า จุดนี้เป็นกึ่งกลางพอดี


และต้นมะพร้าวด้านหลังนั้นจะเป็น Back Drop 
โดย Back Ground เป็นทัศนียภาพ ท้องฟ้า  น้ำ และสวน


จากภาพจะเห็นได้ชัดเจนว่า ตัวบ้านนั้น ถูกหลังคาปกคลุม จนพื้นที่ระหว่างชายคากับผนังบ้านนั้นสามารถทั้งเดิน หรือนั่งเล่นได้ และมีทางเข้าออกของห้องครัวอยู่
ด้วยชายคาที่ยื่นลงมามาก ทำให้ความร้อน และฝนนั้นไม่สามารถสาดเข้าไปในตัวบ้านได้ ทำให้บ้านเย็น


ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น เนื่องจากแสงแดดจะสาดเข้ามาและร้อนมาก จึงต้องใช้มู่ลี่เพื่อช่วยกรองแสงและความร้อน

   

คอสอง เป็นอีกช่องทางระบายอากาศ และกำจัดความร้อนภายในบ้าน ช่วยให้อากาศถ่ายเท และนำลมเข้ามาด้ดี

  

ซึ่งในส่วนของห้องน้ำที่อยู่ด้านซ้ายสุด และครัวที่อยู่ด้านขวาสุดของบ้าน นั้นจะไม่มี คอสอง หรือกระทั้งหลังคา เพื่อให้ระบายอากาศ และไล่ความชื้นได้ดี


เข้ามาภายในตัวบ้าน ถูกจัดให้เจอกับห้องนั่งเล่น ซึ่งจะเป็นพื้นที่เชื่อมปฏิสัมพันธ์ของคนในครอบครัวได้
โต๊ะทานข้าวยาวตัวเดียว
และทีวีเครื่องเดียว

แม้แต่ห้องนอน ซึ่งเป็นห้องนอนของพ่อแม่พี่ปาล์ม


แล้วห้องพี่ปาล์มอยู่ไหน?


เราจะเห็นบันไดที่เป็นทางขึ้นไปห้องใต้หลังคาอยู่ภายในห้องนอนของพ่อแม่พี่ปาล์ม

นั่นคือห้องนอนของพี่ปาล์ม โล่งๆ และเรียบง่าย
แต่ที่สำคัญ
จากห้องของพี่ปาล์มจะสามารถมองออกไปนอกบ้านได้ทุกทิศทาง
เนื่องจากคอสองที่เปิดมุมมองรอบทิศ
ทำให้นอกจากจะเป็นบ้านที่ผู้อาศัยมีความสุขแล้ว ยังเป็น

"อาณาจักร"

ของพี่ปาล์มอีกด้วย

ป.ล. ส่งท้าย...

ห้องน้ำของพี่ปาล์ม
เห็นฟ้าครามยามค่ำคืน
ใช้แล้วสดชื่น
น้ำเย็นฉ่ำกาย

นุ่งลมห่มฟ้า
ตามหาวิถีไทย
โปร่งโล่งไม่เป็นไร
เพราะสุขใจได้กลับบ้าน


วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ครุสติสถาน สถานพักใจ


ครุสติสถาน สถานพักใจ



หากอาศรมศิลป์ เป็นสถานที่นำความรู้ สอนให้ดูจิตใจ
ครุสติสถาน ที่อยู่ห่างไปเพียงนิดเดียวก็เป็นเหมือนสถานที่พักกายพักใจ
ธรรมชาติที่เข้าถึงได้ ภายในสถานที่เล็กๆ ที่ใช้การจัดวางอย่างมีระบบทำให้ตอบสนองด้านจิตใจ


ประตูรั้วเล็กๆที่เปิดอ้ารอรับ


ก่อนที่จะเข้าไปภายในครุสติสถาน สิ่งที่เจอในทางเข้าคือรั้วเตี้ยๆ และทางเดินที่อยู่ด้านหลัง
หากดูดีๆจะเห็นว่ามีทางแยกไปด้านซ้ายขวา
แต่ด้วยการนำสายตาของถนน และรั้วต้นไม้ที่ปลูกยาวไป
ทำให้สายตาไปจบที่ศาลาเล็กๆ
เป็นกรอบเล็กๆให้มองลอดศาลาไปเห็นสวนฝั่งตรงข้าม ที่ถูกคั่นด้วยคลองเล็ก
บรรยากาศร่มรื่นน่านั่ง ลมเย็นสบาย ทั้งๆที่ไม่มีต้นไม้ปกคลุมเหนือหัว
มีเรือผ่านไปผ่านมาทั้งวัน เพลินตา
เป็นสิ่งที่เริ่มหายไปจากกรุงเทพ

แยกขวา ที่พักกาย ที่พักใจ


เมื่อเข้าไปภายในจะมีทางที่นำไปสู่อีกพื้นที่หนึ่ง
แยกขวานี้ เป็นทางเดินที่ขั้นระหว่าง บ้านพักทางซ้าย และทางเดินจงกลมทางขวา
จากความรู้สึกในมุมมองเข้าสู่พื้นที่
รั้วต้นไม้ทางซ้ายปิดทึบเป็นเส้นนอนขนานตามทางเดินไปในแนวยาว
สัญชาตญาณการรับรู้บ่งบองว่าหลังรั้วต้นไม้ลักษณะนี้จะต้องมีอะไรซ่อนอยู่ภายในแน่นอน
ซึ่งเป็นบ้านพักหลังใหญ่
ขอบคุณพุ่มต้นไม้ที่ปลูกอยู่ด้านหน้า
ที่ช่วยรั้วต้นไม้บดบังบ้านพักในส่วนหลังคาที่อยู่สูงเหนือแนวรั้ว

ต่างจากด้านขวาที่มีแนวรั้วต้นไม้เหมือนกัน แต่ต่างตรงที่เป็นรั้วตามแนวขวางตั้งฉากกับทางเดิน
ด้วยการวางลักษณะนี้ทำให้แนวต้นไม้ไม่ดูเป็นผืนเกินไป
และเนื่องจากเป็นแนวตั้งขนาน
ทำให้ดูเหมือนว่าภายในนั้นไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งปลูกสร้าง เนื่องจากการซอยไม่สามารถซ่อนอะไรไว้ภายใน
จริงหรือ.... 
นี่เป็นสัญชาตญาณการรับรู้เท่านั้น
ด้วยความรู้สึกนี้ สามารถนำไปใช้ในการออกแบบเพื่อทำให้เกิดผลในเรื่องของการเปลี่ยนผ่านพื้นที่ได้
ต้องเข้าไปภายในเท่านั้นจึงเห็น
ทำให้ความรู้สึกตอนอยู่ภายนอกกับภายในที่ต่างกัน